วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ดูแลผิวหน้าตามวัยที่แตกต่าง


วัย20 ขึ้นไป
ผิวพรรณ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เปลี่ปลั่ง และงามที่สุด ปัญหาสิวหรือหน้ามันในช่วงวัยรุ่นจะไม่ตามมากวนใจซักเท่าไหร่ เพราะฮอร์โมนในร่างกายปรับเข้าที่แล้ว ยกเว้นก็เพียงบางคนเท่านั้น วัยนี้ควรเลิกใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ขจัดความมันบนใบหน้า เมื่อตนเป้นวัยรุ่นได้แล้ว เพราะผิวจะไม่ค่อยมันมากนัก ควรจะล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งถ้าต้องทำงานในห้องแอร์ตลอดวันด้วยแล้วควรจะเติมความชุ่มชื้นให้มากขึ้น และอย่าลืมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดทุกวันด้วยค่ะ นอกจากนี้อาจจะสครับผิวสัปดาห์ละครั้งเพื่อผลัดเซลผิวที่ตายแล้วออกไป เพื่อเผยเซลผิวใหม่ที่เนียนนุ่มค่ะ

วัย 30 ขึ้นไป

หาก ดูแลผิวอย่างดีมาตั้งแต่ต้น ก็จะสามารถยืดอายุความงามของผิวได้นานขึ้นค่ะ ในวัยนี้ผิวชั้นในจะบางลง ส่วนชั้นนอกจะหนาขึ้น เพราะความสามารถในการผลัดเซลผิวน้อยลงค่ะ ความชุ่มชื้นบนใบหน้าก็ลดลง เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้าทั้งรอบปาก ร่องแก้ม หน้าผาก และรอบดวงตา บางคนอาจเป้นฝ้า หรือกระ รูขุมขนขยาย ผิวไม่เนียนเรียบเหมือนเมื่อก่อนค่ะ การดูและต้องเอาใจใส่ทั้งภายนอกและภายในด้วยค่ะ อาหารมีส่วนสำคัญมากทีเดียวต่อผิวเราค่ะ การใช้มอยส์เจอร์และครีมกันแดดเป้นสิ่งจำเป็นมากสำหรับสาววัยนี้ค่ะ ควรใช้ไนท์ครีมที่มีความเข้มข้นกว่ากลางวันเพื่อถนอมผิว อาจใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสม AHA หรือมาส์กหน้าด้วยผลไม้หรือโยเกิร์ต และสครับผิวทุกสัปดาห์ก็จะช่วยเร่งการผลัดเซลผิวให้เร็วขึ้นค่ะ ผิวที่มีรูขุมขนกว้างให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติหรือเย็นกว่าเพียงเล็ก น้อย และใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์เช็ดผิวเบาๆ เพื่อกระชับรูขุมขน ส่วนรอบดวงตามีรอยคล้ำหรือมีถุงใต้ตา แสดงว่าต้องการเวลาพักผ่อนให้เพียงพอช่วยได้ด้วยการนำถุงชาหรือแตงกวาฝาน บางๆ มาวางบนเปลือกตา 15 นาทีหรือหาอายเจลมาทาทุกคืนด้วยค่ะ

วัย 40 ขึ้นไป
เป้ นวัยที่ผิวยืดหยุ่นน้อยลง ต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวน้อยลง ผิวแห้งกร้านและมีริ้วรอยลึกกว่าเดิม ฮอร์โมนมีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเนื่องจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จึงอาจไปกระตุ้นให้เกิดกระ ฝ้าขึ้นได้ การดูแลผิวในวัยนี้ก็เหมือนกับวัย 30 ต้องการการบำรุงผิวที่มากขึ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนใหเพียงพอ อาจหาเวลาทำสมาธิ เดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง

การดูแลผิวควร เริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ เพื่อยืดอายุผิวของเราให้ยังคงความงามได้นานที่สุดค่ะ เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยนะคะ ดีกว่าให้เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่นแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังจะยากกว่าหรืออาจแก้ไขไม่ได้เลยนะคะ

ที่มา : www.ladytip.com

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ดูแลผิวสวยต้อนรับลมหนาว :)

ลม หนาวมาเยือนทีไร หนุ่มสาวทุกรุ่นวัย มักจะวิตกกังวลและวิ่งวุ่นหาผู้ช่วยเพื่อการดูแลผิวพรรณกันเป็นพิเศษ ยิ่งลมหนาวปี 2009 ในบ้านเราที่กลางวันก็ต้องเจอกับแสงแดดจ้า ทั้งลมหนาว ฝุ่นควัน ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และแห้งมากเป็นพิเศษ การดูแลผิวพรรณในช่วงหน้าหนาวจึงต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ

     รท.พญ.นิจวิภา เพชรรุ่ง แนะเทคนิคในการดูแลผิวพรรณในฤดูหนาวนี้ว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ใส่ใจและให้เวลากับการบำรุงผิวพรรณให้มากเท่านั้นเอง ซึ่งแบ่งการดูแลผิวพรรณได้ 2 ส่วน คือ การดูแลผิวหน้า และ การดูแลผิวกาย เพราะผิวทั้ง 2 ส่วนนี้ ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน


     “การ ดูแลรักษาผิวหน้าในช่วงฤดูหนาว เราควรรักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์มากเป็นพิเศษ โดยเริ่มต้นการบำรุงผิวรอบดวงตาก่อน เพราะเป็นจุดที่อ่อนโยนและบอบบาง ถ้าเราใช้ครีมบำรุงผิวอย่างอื่นก่อนก็อาจจะมีส่วนของเนื้อครีมที่ตกค้างอยู่ ที่นิ้วมือมาผสมกับครีมบำรุงรอบดวงตา อาจทำให้เนื้อครีมบำรุงผิวรอบดวงตานั้นเสื่อมสภาพไปได้ ส่วน การใช้ครีมบำรุงผิวหน้า ควรเลือกชนิดของครีมที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าที่แท้จริงของแต่ละคน โดยมีเคล็ดลับสำคัญ คือ ต้องเลือกใช้ครีมให้เหมาะสมกับช่วงเวลา ใช้เดย์ครีมสำหรับกลางวัน และไนท์ครีมสำหรับช่วงค่ำ ตั้งแต่19.00 น.เป็นต้นไป


     สำหรับ การดูแลรักษาผิวกายนั้น รท.พญ.นิจวิภา บอกว่า มีไม่น้อยที่ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย มักจะละเลย ด้วยเพราะชินกับสภาพอากาศที่ร้อนของบ้านเรา การทาครีมบำรุงจึงถูกจำกัดให้ใช้ในเฉพาะช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด การบำรุงผิวกายนั้นเราควรทำเป็นประจำทุกวัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณละเลยผิวกายของคุณเอง ก็จะส่งผลให้ผิวแห้งหยาบกร้าน เป็นขุย บางรายออกอาการหนักถึงขั้นขึ้นลายงากันเลยทีเดียว


     “การ บำรุงผิวกายมีความจำเป็นไม่แพ้การบำรุงใบหน้า ยิ่งหน้าหนาวขอย้ำว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด วิธีง่ายแสนง่าย ที่ทำได้เลยทันทีก็คือ ให้ออยล์ใส ชโลมให้ทั่วร่างกายหลังอาบน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มซับผิวเพียงเบาๆ แล้วจึงบำรุงด้วยครีมทาผิวที่เหมาะกับสภาพผิวให้ทั่วร่างกาย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คงความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี

     ที่ สำคัญตรงช่วงรอยต่อของข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวเข่า ข้อศอก บริเวณมือ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพราะจะแห้งง่าย และผิวบริเวณดังกล่าวมักจะด้านเป็นพิเศษ จึงควรมีครีมเฉพาะจุดที่มีความเข้มข้นพิเศษ พกติดตัวไว้ ก็จะเป็นผู้ช่วยประจำวันได้เป็นอย่างดี”



     รท.พญ. นิจวิภา ย้ำอีกว่า ครีมบำรุงผิวเปรียบเสมือนเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีที่คอยป้องกันผิวจากแสงแดด สายลม รวมถึงฝุ่นละอองต่างๆ นั่นเอง แต่สิ่งสำคัญอีกประการในการดูแลผิวพรรหลังการบำรุงต่างๆ แล้ว เราไม่ควรลืมใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดด้วย


     “ใน หน้าหนาว บางครั้งเราอาจรู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย ไม่ร้อนเท่าที่ควรเมื่อตอนออกแดด ตรงนี้ต้องขอเตือนว่า แสงแดดในฤดูหนาว ที่ให้ความรู้สึกร้อนน้อยกว่าทุกฤดูเพราะอุณหภูมิต่ำนั้น ความเข้มข้นของแสงอุลตราไวโอเลตไม่ได้ลดลงตามไปด้วย จึงประมาทไม่ได้ ขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง สาวๆ หนุ่ม ควรใช้มอยเจอไรเซอร์ หรือครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป จะสามารถช่วยปกป้องผิวและลดความแห้งกร้านของผิวได้”


     รท.พญ. นิจวิภา ทิ้งท้ายว่า การดูแลที่กล่าวมาแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้การดูแลผิวพรรณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เราต้องดูแลในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น การเลือกรับประทานอาหารมีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานผัก ผลไม้ ในปริมาณที่มากพอ การรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอี ก็เป็นผู้ช่วยผิวพรรณได้ รวมทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยผิวพรรณของคุณแลดูสดใสมีสุขภาพดี

กินให้ดีมีสุขภาพตามกรุ๊ปเลือดนะคะ^^

กินอาหาร


กินให้ดีมีสุขภาพตามกรุ๊ปเลือด (ไทยโพสต์)



           ฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลง อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น นับว่าง่ายต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย และเมื่อล้มป่วย ความงามก็จะถูกบดบังไปด้วย ดังนั้น วันนี้จะมาแนะนำสาวๆ ให้รู้จักเลือกกินเพื่อสุขภาพและความงามค่ะ


           อาจารย์นิพันธ์พงศ์ พานิช กรรมการผู้จัดการศูนย์ความงามโอเรียนทอล บิวตี้ กล่าวให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ควรเลือกรับประทาน โดยพิจารณาให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือดต่างๆ ดังนี้


กรุ๊ปโอ
          บุคคลเลือดกรุ๊ปโอจะมีระบบย่อยเนื้อแดงที่ดีมาก เพราะมีความเป็นกรดสูง ทำให้ย่อยอาหารได้เร็วและดูดซึมดี และสามารถให้ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี เช่น เนื้อ ตับ เซี่ยงจี๊ ไข่ 5 ฟอง/อาทิตย์ ผลไม้ ผักใบเขียวและถั่ว ซึ่งเป็นชนิดที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอ


         คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ดังนั้นจึงต้องเสริมสร้างวิตามินเคให้เลือดกรุ๊ปนี้ด้วยการรับประทานตับ ไข่แดง คะน้า สปินิช ผัก Swiss chard และควรหันมารับประทานแป้งสเปลท์แทนแป้งสาลี ผลไม้ที่รับประทานกับเลือดกรุ๊ปโอได้จะมีไม่กี่ชนิด เช่น พลับ พรุน และมะเดื่อ ผลไม้จำพวกนี้จะช่วยลดการละคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ น้ำผลไม้ที่ดี คือ น้ำสับปะรด จะช่วยอุ้มน้ำของเซลในร่างกาย หรือน้ำแบล็กเชอรี่ จัดว่าเป็นน้ำที่ดีกับเลือดกรุ๊ปโอมาก


กรุ๊ปเอ


         กรุ๊ปนี้จะเป็นกรุ๊ปทีมีความแตกต่างจากรุ๊ปโอโดยสิ้นเชิง เพราะประชากรกรุ๊ปเอนั้นจัดว่าเป็นพวกมังสวิรัติ ซึ่งมาจากระบบย่อยเป็นเหตุ คนเลือดกรุ๊ปเอจึงควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ถ้าต้องการรับประทานเนื้อก็ให้เลือกที่จะรับประทานเนื้อไก่แทน เพราะไม่มัน ส่วนในผักและผลไม้จะได้วิตามินซี จากบร็อกโคลีผลไม้พวกเบอรี่ เกรฟฟรุต หรือส้มโอ สับปะรด เชอรี่ มะนาว และฝรั่ง นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีสูง เพื่อป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง วิตามินอีจะมีอยู่ในน้ำมันพืช ธัญพืช ถั่วลิสงและผักใบเขียว รวมถึงควรรับประทานอาหารเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วย ซึ่งอาหารพวกนี้จะเป็นอาหารที่มีวิตามินบีมากๆ เช่น ธัญพืชขัดสี ปลา และไข่


          คนเลือดกรุ๊ปเอควรรับประทานผลไม้วันละ 3 เวลา เน้นไปที่ Alkaline fruit เช่นแบรี่และผลพลัม (ผลไม้ที่มีความเป็นกลางของกรด) จะช่วยความเป็นกลางในการสร้างกรดในกล้ามเนื้อ ควรเลี่ยงแตงโม แคนตาลูป และผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง มะละกอ กล้วย เพราะทำให้อาหารไม่ย่อย สับปะรด ส้มโอ มะนาวจะช่วยย่อยดีมาก รวมถึงมะนาวยังจะช่วยละลายเสมหะในระบบของเลือดกรุ๊ปเอ ดังนั้นทุกเช้าควรดื่มน้ำอุ่นที่ผสมมะนาวครึ่งลูก


กรุ๊ปบี


           คนเลือดกรุ๊ปนี้จัดอยู่ในพวกสมดุล เพราะเป็นเลือดเพียงกรุ๊ปเดียวที่สามารถรับประทานอาหารนม เนย ไข่ ได้อย่างเต็มที่ คนเลือดกรุ๊ปบีควรจะรับประทานปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ และปลาเนื้อขาว เช่น ปลาจะละเม็ด ปลาตาเดียว คนเลือดกรุ๊ปบีสามารถเลือกรับประทานผักได้เกือบทั้งหมด เว้นอยู่ไม่กี่ชนิด เช่น มะเขือเทศ ข้าวโพด เลือดกรุ๊ปบีมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับไวรัสและภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรรับประทานผักใบเขียวมากๆ เพราะมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยป้องกันโรคผื่นคันในเด็ก ส่วนผลไม้ก็สามารถรับประทานได้แทบทุกชนิด เพราะมีระบบย่อยที่สมดุล มีเพียงลูกพลับ ทับทิม และลูกแพร์ที่ควรเลี่ยง คนเลือดกรุ๊ปบีควรรับประทานผลไม้ที่มีผลต่อเลือด 2-3 ครั้งต่อวัน จะให้ผลดีในการรักษาโรคและลดความเจ็บป่วยด้วย


กรุ๊ปเอบี


          การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพดีเยี่ยมของเลือดกรุ๊ปนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะเป็นส่วนผสมของทั้งกรุ๊ปเลือดเอและบี อาหารที่ดีต่อกรุ๊ปเอและบีก็ดีต่อกรุ๊ปเอบีด้วย แต่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามอย่างจริงจัง อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์นมและไข่ รับประทานได้แต่ไม่มาก โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ เนื้อแดง แกะ กวาง และกระต่าย ซึ่งควรรับประทานครั้งละน้อยๆ จึงจะย่อยได้ดี เพราะกระเพาะของคนเลือดกรุ๊ปเอบี ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนที่มากเกินไป คนเลือดกรุ๊ปเอบีจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆ เพราะเป็นอาหารสำคัญในการป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายในกรุ๊ปเอบีส่วนเรื่องของผลไม้นั้น คนเลือดกรุ๊ปนี้จะสามารถรับประทานผลไม้ได้ดีเพียงบางอย่าง เช่น องุ่น พลัม และแบรี่ เพราะเป็นผลไม้ที่มีกรดเป็นกลาง ช่วยสร้างความสมดุลให้เนื้อเยื่อ อันเนื่องมาจากการบริโภคแป้งและข้าว


           กรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปมีความแตกต่างกัน จึงต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดสมดุลตามธรรมชาติ เพราะปัญหาสุขภาพเรื้อรังบางชนิดไม่อาจรักษาให้หายขาดด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเสียใหม่ อาหารประเภทใดก็ตามควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ อาหารทุกอย่างมักจะมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเอง เลือกใช้ให้ถูกวิธี เพราะสุขภาพที่ดีมาจากการเอาใจใส่ร่างกาย การใช้ชีวิตประจำวันที่ถูกต้องและเหมาะสม ก่อนจะรับประทานอะไรเข้าไปให้จดจำไว้เสมอว่า "กินอะไรก็ได้อย่างนั้น" หรือ You are what you eat เป็นการเตือนใจก่อนจะตามใจปากจนสายเกินแก้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เคล็ด(ไม่)ลับ ที่ทำแล้วสวยขึ้น ชัวร์ !



          หากเลือกเกิดได้ ใคร ๆ ก็อยากเกิดมาสวย จริงไหม ? แต่เมื่อในความเป็นจริงเราเลือกเกิดไม่ได้ ก็ต้องพยายามบำรุงดูแลตัวเองให้ดีที่สุด วันนี้กระปุกดอมคอมก็เลยขอนำเคล็ด(ไม่)ลับ ที่ขอรับรองว่าจำไปใช้แล้วจะทำให้คุณสวยขึ้น ดูดีกว่าเดิมได้แน่นอนค่ะ  

       ไม่อาบน้ำอุ่นจัด

          การอาบน้ำอุ่นจัดหลังวันทำงานที่แสนเหนื่อยล้าอาจทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี แต่ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผิวของคุณเลย นอกเสียจากว่าทำให้ผิวแห้งมากขึ้นก็เท่านั้น เพราะอุณภูมิอุ่นจัดของน้ำนั้นชะล้างไขมันหล่อเลี้ยงผิวที่มีอยู่ตามธรรมชาติออกไปด้วย หลังอาบน้ำจึงรู้สึกว่าผิวแห้งกร้าน หรือถ้ายิ่งแห้งมากก็จะแตกลอกและเกิดอาการคันด้วย เปลี่ยนมาเป็นการอาบน้ำที่อุ่นพอดี ๆ หรืออาบน้ำที่อุณหภูมิปกติดีกว่าค่ะ นอกจากดีกับผิวแล้ว ค่าไฟก็ยังลดลงด้วยนะ ;)

       เคล็ดลับไม่ให้ลิปติกเปื้อนฟัน

          ต่อให้ลิปสติกที่คุณใช้สีสวยแค่ไหน แต่ถ้าเมื่อไหร่ฉีกยิ้มแล้วมีคราบลิปสติกติดอยู่ที่ฟัน มันก็ไม่น่าดูเลยจริงไหมคะ หลีกเลี่ยงเรื่องน่าอายนี้โดย หลังจากทาลิปติกให้อมนิ้วชี้ไว้ในปาก ลึกประมาณหนึ่งข้อนิ้วหรือมากกว่านิดหน่อย (มือต้องสะอาดนะคะ) จากนั้นทำปากเป็นรูปตัวโอ "O" แล้วดึงนิ้วออกมา ลิปสติกที่ติดตาขอบริมฝีปากด้านในก็จะติดนิ้วออกมาด้วย เท่านี้ก็จะไม่หลงเหลือคราบลิปสติกไปติดที่ฟันคุณแล้วล่ะค่ะ (อ้อ เสร็จแล้วอย่าลืมล้างมือด้วยนะ)

       ปล่อยผมแห้งเองตามธรรมชาติ

          หลังจากสระผม หากสามารถปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติได้จะดีที่สุด เป็นการช่วยป้องกันเส้นผมไม่ให้ถูกทำร้ายจากความร้อนของไดร์เป่าผม แต่หากจำเป็นต้องใช้ไดร์เป่าผมจริง ๆ ให้ตั้งระดับความร้อนไว้ต่ำสุดเท่าที่เป็นไปได้ ก็จะเป็นการปกป้องเส้นผมไม่ให้ถูกความร้อนจนแห้งกรอบ รักษาผมให้นุ่มสวยได้ในระยะยาวค่ะ

       ทาอายครีมก่อนนอนทุกคืน

          เพื่อเป็นการปกป้องและบำรุงผิวที่อ่อนบางรอบดวงตา การทาอายครีมทุกคืนก่อนนอนเป็นประจำ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวรอบ ๆ ดวงตา ยับยั้งและชะลอการเกิดริ้วรอบรอบดวงตาหรือรอยตีนกา รวมไปถึงรอยคล้ำใต้ดวงตาที่เกิดจากผิวแห้งโทรมด้วย

       ปลายนิ้วชุ่มชื้น เล็บแข็งแรง ด้วยนม

          จุ่มปลายนิ้วลงไปในชามที่มีนมอุ่น ๆ ทิ้งไว้ราว 5-10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ จะช่วยให้ปลายนิ้วชุ่มชื้น ลดการแห้งลอกของผิวหนังรอบ ๆ เล็บ รวมทั้งเล็บก็จะไม่เปราะง่าย แข็งแรงมากขึ้นด้วย

       เคล็ดลับเหลาดินสอเขียนขอบตา - ขอบปาก

          การเหลาดินสอเขียนขอบตาและดินสอเขียนขอบปากให้แหลมพร้อมใช้อยู่เสมอ จะทำให้คุณวาดเส้นขอบตาหรือขอบปากได้สวยชัด แถมยังวาดได้ง่าย เคล็ดลับในการเหลาก็ไม่ยาก เพียงแค่นำดินสอเขียนขอบตาหรือขอบปาก ไปแช่ในช่องฟรีซราว 10 นาที จากนั้นนำออกมาเหลา ดินสอก็จะเหลาง่าย และคุณก็จะได้ดินสอเขียนขอบตา - ขอบปาก ไว้เนรมิตตาคมสวยและเรียวปากเด่นชัดแล้วค่ะ

       หาวันพักผ่อนทำสปาให้ตัวเองสักหนึ่งวัน

          ลองหาวันพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยการปล่อยร่างกายให้ได้รับการปรนนิบัติที่สปาสักหนึ่งวันเต็ม ๆ นอกจากจะรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ผิวยังได้รับการบำรุงด้วยการทำทรีตเม้นต์ของสปานั้น ๆ อีกด้วย

       ทาโลชั่นทุกวัน เลี่ยงปัญหาขนคุด

          สาว ๆ ที่เลือกกำจัดขนในส่วนที่ไม่ต้องการด้วยการโกน คงเคยประสบปัญหาขนคุดกันมาบ้าง ขนคุดเกิดจากขนที่กำลังจะงอกไม่สามารถแทงออกมานอกผิวได้ เนื่องจากผิวชั้นนอกแห้งมาก สามารถแก้ปัญหาได้โดยการทาโลชั่นในบริเวณที่โกนเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อผิวมีความอ่อนนุ่มดี ขนก็จะแทงออกมาได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาขนคุดอีกต่อไป

       ชมพู สีมหัศจรรย์ของดวงตา

          ว่ากันว่าอายเมคอัพสีชมพูทั้งหลาย จะช่วยกลบเกลื่อนร่องรอยความเหนื่อยล้า และความหมองคล้ำรอบ ๆ ดวงตาได้ดีที่สุด ทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้นได้ทันใจเลยทีเดียว

       ผมสวยด้วยน้ำมันมะกอก

          ใช้น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ชโลมเส้นผมให้ทั่ว และนวดหนังศีรษะไปพร้อม ๆ กันด้วย จากนั้นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแล้วพันรอบศีรษะไว้ราว 10-15 นาที แล้วจึงล้างออก สระผมให้สะอาดตามปกติ เมื่อผมแห้งคุณจะพบว่า เส้นผมของคุณนุ่มสลวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ


          ดูแล้วทุกเคล็ดลับล้วนแต่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำได้จริง และทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ และยิ่งเรารับรองว่าทำแล้วจะสวยขึ้นได้แน่นอน อย่างนี้ก็อย่าลืมกลับไปลองทำกันดูบ้างนะคะสาว ๆ ขา 

หยุดตัวช่วยทำลายผิวหน้า^^




           ต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงยุคนี้แข่งกันสวย ต้องหาวิธีการเพิ่มความสวยให้ตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งพอกหน้า มาสก์หน้า ขัดผิว ฯลฯ ซึ่งหลายคนก็เชื่อแบบต่อ ๆ กันมาว่า ยิ่งทำบ่อย ๆ ยิ่งเห็นผลเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แต่สาว ๆ คงลืมนึกถึงกันไปว่า แท้จริงแล้วการขัดหน้า พอกหน้า ขัดผิว มาส์ก บ่อย ๆ มักจะส่งผลเสียต่อผิวของเราได้

          อยากหน้าขาวจึงต้องสครับขัดหน้าทุกวัน พึงรู้หรือไม่ว่าการขัดหน้าแท้จริงแล้วควรขัดเพียงแค่เดือนละครั้งเท่านั้น และจะต้องขัดหน้าอย่างถูกวิธีด้วยวิธีการล้างหน้าให้สะอาด ขัดด้วยสครับให้ทั่วใบหน้าจากนั้นล้างออกด้วยโฟม เพราะการสครับหน้าประกอบไปด้วยสารเคมีจำนวนมาก หากทำมากกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือน จะทำให้ผิวแห้งและความมันที่จะช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่นก็ลดลงไป แนะนำให้ใช้สครับประเภทโปรตีนผลิตจากถั่วเหลือง ช่วยผลัดเซลล์ผิวและให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น

         ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ผสมกันแดด เหตุเพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ผสมสารกันแดดจะทำให้คุณสมบัติของสารกันแดดลดลง ค่า SPF ที่ช่วยกันแดดก็จะน้อยลง ควรทาครีมกันแดดที่ SPF 30 ขึ้นไป ก่อนออกจากบ้านประมาณ 20 นาที และทาซ้ำ ๆ กันทุก 2 ชั่วโมง

         เรื่องความขาวก็ยังคงฝังอยู่ในจิตใจของสาว ๆ ทุกคน วิธีสุดฮิตคือการลอกผิวหน้า ซึ่งเป็นการใช้สารเคมีที่รุนแรงในการผลัดเซลล์ถือว่าเป็นการทำด้วยวิธีที่รวดเร็วและได้ผลทันใจแต่ก็สามารถส่งผลเสียต่อผิวชั้นในทำให้ติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็นได้ และยิ่งไปกว่านั้น การลอกผิวจะทำให้ชั้นผิวบางขึ้นและไวต่อแสงแดด

         วิธีที่จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูเด็กและสดใสอยู่ตลอดเวลา คือการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนจะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่ เลิกนอนดึกและงดดื่มแอลกอฮอลล์ ก็จะช่วยให้ผิวของคุณไม่ถูกทำร้ายอีกต่อไป

กินก็ได้ ทาก็สวย สูตรความงามจากของกินก้นครัว



แตงกวา
อุดมด้วยวิตามินซี แคลเซียม ซิลิก้า และโพแทสเซียม แตงกวามีคุณสมบัติเย็น แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ขับปัสสาวะและสารพิษต่าง ๆ ในทางความงาม แตงกวาช่วยลดความมัน กระชับรูขุมขน ลดอาการบวม และช่วยเผยผิวกระจ่างใส และนี่คือวิธีง่าย ๆ ในการใช้แตงกวาดูแลผิวพรรณ


ลดความมันของผิว ปอกเปลือกแตงกวาแล้วสับหยาบ ๆ จากนั้น ใส่เครื่องปั่นจนกระทั่งเป็นเนื้อเนียนนุ่ม นำมาทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


มาส์กแตงกวาอะโวคาโด สูตรนี้ช่วยบำรุงผิวกระชับรูขุมขน และขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วเพื่อเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเก่า วิธีการก็คือนำส่วนผสมแตงกวาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ½ ถ้วย อะโวคาโดสับหยาบ ๆ ½ ถ้วย ไข่ขาว 1 ฟอง และนมผง 2 ช้อนชา ใส่ลงในเครื่องปั่นจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด เอาไปแช่เย็น 30 นาทีก่อนนำมาทาทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น ก่อนซับหน้าให้แห้ง


มาส์กเพื่อผิวเนียนเรียบ ถ้าเป็นสิว นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ในการป้องกัน ส่วนผสมที่ต้องการก็คือแตงกวาปอกเปลือกครึ่งลูก นมผงไร้ไขมัน 1 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ช้อนชา เอาส่วนผสมมาปั่นรวมกันแล้ว ทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก


ชาดำ
เราต่างรู้จักประโยชน์ต่อสุขภาพจากการดื่มชา แต่คุณอาจไม่รู้ว่ามันเป็นผู้ช่วยความงามที่ดีเช่นกัน แอนตี้ออกซิแดนต์เข้มข้นของชาช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของความร่วงโรยของผิว ชายังเป็นแอสตริงเจนต์ที่ช่วยลดอาการตาบวมและสิวได้ด้วย และแทนนินในชายังช่วยเรื่องผิวไหม้แดดด้วย
วิธีง่าย ๆ ในการจัดการกับอาการตาบวมและรอยคล้ำใต้ตาก็คือ เอาถุงชาที่ชงแล้วไปแช่เย็นเอาไว้ ก่อนเอามาวางทับลงบนดวงตา ทิ้งไว้ 15-20 นาที ดวงตาคุณจะสดใสขึ้นทันที แต่ถ้าจะจัดการกับสิวที่กำลังจะเริ่มโผล่ขึ้นมา ใช้ถุงชาอุ่น ๆ โปะลงไปบริเวณที่เป็นสิวสักสองสามนาที ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำ มันจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวลงได้

ฟักทอง
อุดมด้วยวิตามินเอ (ที่ช่วยเยียวยาผิว) ซี (ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์) และสังกะสี ฟักทองเป็นมาส์กที่ยอดเยี่ยมสำหรับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผิวบอบบางและเสียหายจากสิ่งแวดล้อม ฟักทองช่วยบรรเทาผิว ให้ความชุ่มชื้น และเป็นตัวนำพาส่วนผสมอื่นในมาส์กให้ซึมซับเข้าไปในผิวได้ดีขึ้น


ลองทำมาส์กฟักทองแบบง่าย ๆ สำหรับผิวทุกประเภทโดยใช้ฟักทองต้มสุกบดละเอียด 2 ช้อนชา น้ำผึ้ง ½ ช้อนชา และนม ¼ ช้อนชา สำหรับผิวแห้งให้เพิ่มวิปปิ้งครีม ¼ ช้อนชา หรือน้ำตาลทรายแดง ¼ ช้อนชา ถ้าผิวมัน ผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล ½ ช้อนชา หรือน้ำแครนเบอร์รี่ ¼ ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้วนำมาทาลงบนใบหน้า หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

มะนาว
นอกจากรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดจะช่วยเพิ่มรสชาติอาหารแล้ว มะนาวยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง น้ำมะนาวช่วยรักษาอาการไอและขับเสมหะ มีวิตามินซีสูงที่ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน มะนาวยังมีสรรพคุณช่วยขจัดสารพิษ ขจัดเสมหะ และแก้ไอได้ดี ส่วนในทางความงาม มะนาวอุดมด้วยกรดผลไม้ที่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน และฟอกสีผิวให้จางลง เราแนะนำให้ใช้เฉพาะน้ำมะนาวคั้นสดใหม่ และหยุดใช้สูตรต่อไปนี้ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายผิวหรือระคายเคือง


ลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดเลือนจุดด่างดำ ผ่ามะนาวครึ่งซีกผสมกับน้ำตาลทราย ½ ช้อนชา แล้วขัดผิวอย่างเบามือสองสามนาที ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจนกระทั่งรอยดำจางลง


คอนดิชันเนอร์สำหรับผม ผสมน้ำมะนาวหนึ่งลูกกับน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย และชโลมลงบนเส้นผมปล่อยทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออก มันจะเพิ่มความเงางามและทำให้เส้นผมสปริงตัว


จัดการรังแค ผสมน้ำมะนาวสดสองถึงสามช้อนโต๊ะ กับน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ แล้วนวดลงบนหนังศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที แล้วสระผมตามปกติ
แอสตริงเจนต์สำหรับผิวมันแบบง่าย ๆ บีบน้ำมะนาวใส่ถ้วย นำมาทาทั่วใบหน้าในตอนเช้า ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยมอยสเจอไรเซอร์

พีช
ผลไม้ที่หอมหวานน่ากินนี้อุดมด้วยสารอาหารสำคัญสำหรับผิว ทั้งกรดผลไม้ที่ช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเก่า วิตามินเอและซีที่ช่วยบำรุงเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวา วิธีใช้พีชแบบง่าย ๆ ก็คือเลือกพีชที่สุกงอม ผ่าครึ่งแล้วนำมาถูทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า หรือใช้พีชเป็นส่วนผสมสำหรับมาส์กดังต่อไปนี้


มาส์กสำหรับผิวบอบบาง เหมาะอย่างมากในการลดเลือนรอยเส้นเลือด ปอกเปลือกและบดพีช ½ ลูก ผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ ทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก


มาส์กเพื่อกระชับผิว เหมาะอย่างมากสำหรับผิวหย่อนคล้อยและทำให้รูขุมขนดูกระซับขึ้น ใช้พีชสุกงอมปอกเปลือกหนึ่งผลกับไข่ขาวหนึ่งฟอง ใส่ลงในเครื่องปั่นจนเป็นครีมข้น ทาส่วนผสมทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นอาหารที่สะอาด ปลอดจากจุลินทรีย์ต่าง ๆ และมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ เมื่อใช้ทาบาดแผลจะทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ น้ำผึ้งยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้อาการท้องผูกได้ดี และสมัยโบราณหมอยาก็มักใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมในการปรุงยาหรือเป็นตัวประสานในยา


น้ำผึ้งยังมีวิตามินบี ซี และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ฟอสฟอรัส กรดอะมิโนจำเป็น รวมทั้งแอนตี้ออกซิแดนต์ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ น้ำผึ้งจึงถูกนำมาใช้ในการดูแลผิวพรรณตั้งแต่สมัยโบราณ และนี่คือสูตรดี ๆ จากน้ำผึ้ง


มาส์กเพื่อความชุ่มชื่น ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกับนม 2 ช้อนชา ทาทั่วใบหน้า ปล่อยให้แห้ง 10 นาทีแล้วล้างออก


โทนเนอร์น้ำผึ้งและแอปเปิ้ล ช่วยกระชับผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและชุ่มชื่น วิธีการก็คือใส่แอปเปิ้ลปอกเปลือกและสับ 1 ผลกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ลงในเครื่องปั่นอาหารและปั่นจนกระทั่งเป็นเนื้อละเอียดเนียน เอามาทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก


ทำความสะอาดผิว ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ อัลมอนด์บดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวโอ๊ตแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ ทาส่วนผสมลงบนใบหน้า นวดเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น


คอนดิชันเนอร์สำหรับเส้นผม ผสมน้ำผึ้ง ½ ถ้วย กับน้ำมันมะกอก ¼ ถ้วยหรือ 2 ช้อนโต๊ะ ขึ้นอยู่กับว่าผมคุณแห้งแค่ไหน ใช้ส่วนผสมชโลมเส้นผมแล้วคลุมด้วยหมวกอาบน้ำ 30 นาที ก่อนสระผมตามปกติ

อะโวคาโด
ผลไม้ที่เป็นส่วนผสมของอาหารจานโปรดหลายอย่าง อุดมด้วยไขมันจำเป็นที่ดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ และนอกจากจะใช้บำรุงผิวพรรณจากภายในแล้ว อะโวคาโดยังเป็นส่วนผสมที่นำมาใช้ดูแลผิวพรรณได้โดยตรง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการพอกหน้าด้วยอะโวคาโด เพียงแค่บดเนื้ออะโวคาโดให้ละเอียดแล้วทาทั่วใบหน้าสะอาด ทิ้งไว้ 15 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซึ่งสูตรนี้เหมาะสำหรับผิวแห้ง


นอกจากนี้ อะโวคาโดยังใช้บรรเทาอาการบวม โดยใช้อะโวคาโดฝานเป็นรูปครึ่งวงกลมหนาครึ่งนิ้ว แปะไว้ใต้ดวงตา ทิ้งไว้สัก 20 นาที

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องจริง..เตือนภัย!!


อันตรายจากการใช้เครื่องสำอาง


อันตรายจากการใช้เครื่องสำอางมีหลายอย่าง ขึ้นกับความเข้มข้นชนิดความเป็นกรด-ด่าง ของเครื่องสำอาง รวมทั้งตำแหน่งของการใช้เครื่องสำอางด้วย เช่น รอบดวงตา ก็มีอาการแพ้ง่าย อาการข้างเคียง หรืออันตรายจากการใช้เครื่องสำอางมักมาในรูปแบบเหล่านี้

ระคายเคือง จะปรากฏเป็นอาการแสบ คัน ปวดร้อน หรือคันยิบๆ เกิดขึ้นเป็นช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาทีหลังจากใช้เครื่องสำอาง แต่ถ้าไม่สัมผัสซ้ำอีกก็สามารถหายได้ เช่น เครื่องสำอางที่ผสม AHA

ภูมิแพ้ อาการคล้ายคลึงกับกลุ่มระคายเคือง แม้สารที่ใช้เข้มข้นแต่ถ้าสัมผัสร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาได้ เช่น น้ำหอม สารกันบูด ลาโนลิน สารกันแดด และสารทำละลายในเครื่องสำอาง

ลมพิษ ถ้าเป็นน้อยจะเป็นผื่นบวม ถ้าเป็นมากหนังตาและปากบวม หรือบวมทั้งหน้า บางรายถึงขนาดหายใจไม่ออก สารที่เป็นต้นเหตุอาจเป็นพวก แอลกอฮอล์ น้ำหอม สารกันบูด น้ำยาย้อมผม เมนทอล และสารทำละลายในเครื่องสำอาง

ผิวหนังเปลี่ยนสี เครื่องสำอางบางชนิดใช้แล้วหน้ายิ่งดำ ฝ้าขึ้น บางชนิดเมื่อถูกแดดจะทำปฏิกิริยาเกิดรอยดำ สารธรรมชาติที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่ มะกรูด มะนาว แตงกวา แม้แต่สมุนไพรทาหน้าต่างๆ หรือการใช้สารที่มีไฮโดรควิโนนความเข้มข้นสูง เช่น น้ำหอม ยาฆ่าเชื้อ สบู่ทั่วๆ ไปก็ทำให้เกิดอาการพวกนี้ได้

ผื่นขาว เกิดจากยาสีฟัน ยาทาหน้าขาว สบู่แรงๆ สารระงับกลิ่นที่มีสารปรอท

สิว เกิดจากสารลาโนลินที่มีอยู่ในมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ โซเดียม ลอริลซัลเฟตที่มีอยู่ในสบู่ หรือสารสเตียรอยด์

เล็บเปลี่ยนแปลง เล็บหลุดออก ผุกร่อน เปลี่ยนสี เกิดจากน้ำยาทาเล็บและล้างเล็บ

ผมเปลี่ยนแปลง เช่น เส้นผมเกาะกันง่าย เกิดจากน้ำยาดัดผม น้ำยายืดผม

ผลต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย อาทิเช่น เยื่อบุตาอักเสบ หรือสะสมเป็นเวลานานจนเกิดอันตราย เช่น เครื่องสำอางบางชนิดที่มีส่วนผสมของสารปรอท และสารตะกั่ว

เครื่องสำอางชนิดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย และเสี่ยงต่อผลข้างเคียงคือ น้ำยายืดผม ครีมบำรุงผิว มาสค์ ครีมแก้สิว ครีมรองพื้น ลิปสติก น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น โฟมอาบน้ำ ยากันแดด ยาระงับกลิ่นตัว ยาลดเหงื่อ เป็นต้น ดังนั้น เวลาจะเลือกซื้อเครื่องสำอางควรพิจารณา อ่านฉลากข้างกล่องให้ละเอียด หรือสอบถามพนักงานขาย เพื่อความปลอดภัยของผิวคุณ



ที่มาhttp://wave.prohosting.com/biotik/

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ถ้าเป็นแบบนี้จะทำยังงัยดี ??


จิงๆแร่ะเน๊อะ :))


ผิว กับ ทัมทิม สดๆ รับรอง ตึงเปรี๊ยะ อิอิ


ผิวหน้าเต่งตึงด้วยทับทิมสด





ผิวหน้าเต่งตึงด้วยทับทิมสด (Woman Plus)
ผู้หญิงจะสวยก็ต่อเมื่อมีความรัก แต่ถึงจะมีความรักแล้ว สาว ๆ ก็ยังสวยได้อีกนะคะ ด้วยการมีผิวหน้าที่เต่งตึง ไร้รอยตีนกา และรอยหมองคล้ำต่าง ๆ จากเคล็ดลับการบำรุงผิวสูตรธรรมชาติอย่างทับทิมสดนั่นเองค่ะ
เพียง แค่สาวๆ นำน้ำทับทิมสด ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยป้องกันผิวจากการทำลายของรังสีอัลตรา ไวโอเลต ประมาณ 1 ช้อนชาทาที่ใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำ ผิวหน้าของสาว ๆ ก็จะค่อย ๆ กระชับ เต่งตึงและยังดูอ่อนวัยด้วยล่ะค่ะ
เคล็ดลับบำรุงผิวหน้าดี ๆ อย่างนี้ ถ้าไม่รีบทำคงจะเสียดายแน่เลย!?!

ผิวขาดน้ำ...เติมได้^^


ผิวขาดน้ำ...เติมได้


       ร้อนๆ แบบนี้ปัญหาผิวไม่ใช่แค่เรื่องผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำจากแสงแดดเท่านั้น แต่ความร้อนยังทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศลดน้อยลง ส่งผลให้อากาศแห้ง แน่นอนว่าส่งผลให้ผิวของเราไม่ใช่เพียงแค่แห้งเท่านั้นค่ะ แต่ยังทำให้ชั้นผิวของเราสูญเสียน้ำในเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดอีกด้วยทำให้ใบหน้าปห้งกร้านไม่ชุ่มชื่น นี่ล่ะค่ะเลยทำให้ปัญหา “ผิวขาดน้ำ” เป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆ หลายคนเลยทีเดียว แล้วผิวขาดน้ำ จะเติมได้อย่างไร? มาดูกันค่ะ^^
     ผิวขาดน้ำ ขาดอย่างไร 
        อาการผิวขาดน้ำนั้นใกล้เคียงกับผิวแห้งมากค่ะ แต่จะต่างกันตรงที่จะมีทั้งความมันและแห้งแบบไม่เป็นเวลา เพราะกลไกลของผิวเกิดการทำงานแบบชะงัก เนื่องจากขาดอาหารที่สำคัญ นั่นคือน้ำ ที่เป็นอาหารหลักที่จำเป็นสำหรับผิว มากกว่าวิตามินและเครื่องสำอางใดๆ ต่อให้ใช้เครื่องสำอางราคาสูง แต่ถ้าขาดวินัยในการดื่มน้ำ หรือไม่มุ่งแต่จะทำให้ผิวขาวโดยครีมที่มีส่วนผสมวิตาซี หรือสารอื่น ๆ จะได้ผิวขาวจริงค่ะ แต่ก็จะได้ผิวที่ขาวซีด แห้ง ไม่มีน้ำมีนวลนั่นเอง

    อาการแบบนี้ มีสิทธิ์ขาดน้ำ
       ไม่เฉพาะแต่สาวๆ ที่ต้องทำงาน Outdoor เท่านั้นนะคะ สาวออฟฟิศอย่างเราๆ ก็เผชิญกับอาการผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศนั้นทำให้อากาศแห้งได้มากพอๆ กัน อาการเบื้องต้นที่แสดงว่าผิวคุณขาดน้ำแน่แล้ว มีดังนี้ค่ะ

      • แต่งหน้าไม่ติด ไม่อยู่ทน      ลงครีมบำรุงไม่ค่อยซึม ครีมรองพื้นพอลงก็เกลี่ยยากและเป็นขุย (แม้จะเว้นเวลานานก็ตาม) จุดนี้ต่างจากผิวแห้งเพราะต่อให้ผิวแห้งแต่การดูดซึมก็ยังเป็นไปตามปกติ ยังสามารถเกลี่ยเครื่องสำอางและครีมบำรุงได้ง่าย แต่ผิวขาดน้ำ ผิวจะไม่ดูดซึมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นได้เลย
      • ผิวหน้าอิดโรย ไม่กระจ่างใส        ผิวขาดน้ำทำให้ผิวดูหยาบกระด้างขึ้น เวลาสัมผัสที่บริเวณผิวหน้า จะขาดความยืดหยุ่น ตึง ขาดความนุ่มกระชับและกร้านมากขึ้น นั่นเป็นเสมือนสัญญาณ S.O.S ที่ร่างกายส่งมาให้เราได้รับรู้แล้วนะคะ สำหรับรายที่รุนแรงอาจจะมีรอยจ้ำแดง เนื่องมาจาก โครงสร้างของผิวที่เป็นความยืดหยุ่นขาดน้ำอย่างแรง

    ขาดน้ำแบบนี้ ต้องมีวิธีเติม
      รู้จักผิวขาดน้ำกันไปแล้วมาดูวิธีการเติมน้ำเข้าผิวเราดีกว่า

      • สารบำรุงประเภท Hydra      เติมหยุดใช้เครื่องสำอางประเภท Whitening ที่มีส่วนผสมของวิตามินหรือเรตินอลเอ แบบเพียว ๆ ที่จะส่งผลให้เกิดความขาว กระจ่างใส เหล่านี้สักระยะ เพราะสารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำมากขึ้น ให้หันมาเติมผิวด้วย ครีมหรือเจลตระกูล Hydra เพราะมากขึ้นเพื่อให้ผิวได้รับอาหารผิวที่เป็นน้ำเข้าไปในผิวมากขึ้น ผิวจะอิ่มเอิบง่ายต่อการบำรุง หรือแต่งหน้า ลดอาการขาดน้ำของผิวไปได้ค่ะ

      • เลี่ยงแอลกอฮอล์และนิโคติน + พยายามอย่านอนดึก       สิ่งเหล่านั้นเรารู้ดีกันอยู่แล้วว่าไม่ดีต่อร่างกาย แน่นอนว่าไม่ดีต่อผิวด้วยค่ะ สำหรับสาวขี้เกียจที่ไม่ชอบดูแลบำรุงผิวพรรณ ด้วยครีมหรือเครื่องสำอางหลายขั้นตอน ให้ใช้การพักผ่อน การนอน เป็นตัวหลักในการรักษาผิวพรรณก็ได้นะคะ เพราะการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายได้มีการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งผลให้ผิวเราได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ 

      • บำรุงผิวจากภายใน ดื่มน้ำให้มากขึ้น       การดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว เป็นการบำรุงจากภายในที่ทำได้ง่ายๆ เลยค่ะ ทั้งได้ประโยชน์ทั้งถูก ไม่ต้องสิ้นเปลืองเพื่อซื้อเครื่องสำอางใหม่ ได้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วยดี 2 ต่อแบบนี้สาวๆ ต้องทำเลยนะคะ เพราะน้ำเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนยังกับอะไรดี หากขาดน้ำในช่วงนี้ ไม่เพียงแค่ผิวจะไม่สวยแต่อาจจะป่วยได้ด้วยนะคะ

         ผิวขาดน้ำนั้นแก้ง่ายค่ะ เพียงแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดใช้เครื่องสำอางกลุ่ม Whitening นอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงปาร์ตี้และนิโคตินสักพัก เพื่อฟื้นฟูผิวบ้างะไรบ้าง เท่านี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงไหมคะ เท่านี้ต่อให้จะร้อนแค่ไหน อากาศแห้งเท่าไหร่ ผิวเรา…ก็เอาอยู่ค่ะ

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

องุ่นผลไม้เพื่อสุขภาพและความงาม


องุ่น....ผลไม้แสนอร่อยที่หลายคนในครอบครัวชื่นชอบ ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติดีและสามารถรับประทานได้ทั้งแบบ ผลสดและแห้งแล้ว คุณทราบไหมว่า องุ่นยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพและความงามของเราด้วย
             ในผลองุ่นมีวิตามินและสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะที่เปลือกและเมล็ด อย่างที่เราเคยได้ยินถึงการสกัดน้ำมันจากเมล็ดองุ่นมาเป็นส่วนผสมในครีม บำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ น้ำมันนี้ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก้อนเลือด และลดโคเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (ไขมันไม่ดี) จึงช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบเลือดและหัวใจได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ส่วน วิตามินต่างๆ ที่พบในองุ่นนั้นก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นได้เร็ว ส่วนหนึ่งเพราะน้ำตาลในองุ่นเป็น น้ำตาลที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย จึงช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย และกระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีผลจากการ วิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งเมืองนิวยอร์กพบว่า ในองุ่นจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า Polyphenols ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถบริโภคได้ในรูปของน้ำองุ่นหรือไวน์แดง สาร Polyphenols นี้มีส่วนช่วยให้คนเรามีอายุสมองที่ยาวนานขึ้นและแข็งแรง ทำให้สามารถทำงานและจดจำสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
ประโยชน์ จากองุ่นนั้นไม่เพียงจะได้จากการรับประทานองุ่นสด องุ่นแห้ง หรือน้ำองุ่นคั้นสด 100% แล้ว ผลและน้ำองุ่นสดยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าและเส้นผมได้ด้วย อย่างสูตรบำรุงผิวหน้าให้เปล่งปลั่งชุ่มชื้นแบบง่ายๆ โดยนำองุ่นแดงหรือม่วงทั้งเปลือก ½ ถ้วย ผสมน้ำแตงกวาสด 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นรวมกันแล้วนำมาทาทั่วผิวหน้า (เว้นรอบดวงตา) ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้ว ล้างออก ผิวหน้าจะชุ่มชื้นขึ้นและไม่แห้งกร้าน
ส่วน สูตรบำรุงเส้นผมให้ใช้น้ำองุ่นแดงหรือองุ่นม่วงคั้นสด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับแชมพู สระผม โดยพักไว้หลังสระประมาณ 5 นาทีแล้วจึงล้างฟองออกให้สะอาด จะช่วยให้เส้นผมนุ่มและเป็น เงางาม
การรับประทานองุ่นให้ได้ ประโยชน์มากที่สุดนั้น ความจริงสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกและเมล็ด อย่างที่บอกว่าสารอาหารที่มีคุณค่านั้นอยู่ที่เปลือกและเมล็ดมากกว่าเนื้อ องุ่นเสียอีก แต่ถ้าอยากรับประทานทั้งเมล็ดให้ง่ายขึ้น อาจจะทำเป็นน้ำองุ่นปั่นสดๆ ดื่มก็ได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก goodfoodgoodlife
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

เคล็ดลับ ผิวสวยด้วยธรรมชาติ


ผิวขาวใสเคล็ดลับ ผิวสวยด้วยธรรมชาติ

อย่ามองข้ามธรรมชาติอันใกล้ตัวนะค่ะคุณผู้หญิง เพราะวันนี้เราเรานำความเคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติมาฝากกันอีกแล้วค่ะ และเคล็ดลับ ผิวสวยด้วยธรรมชาติ ในวันนี้เรามีให้เลือกด้วยกันถึง 2 สูตรผิวสวยด้วยธรรมชาติ นั้นคือ ผิวสวยด้วยชาเขียว กับ ผิวนุ่มด้วยอะโวคาโด กันค่ะ คุณผู้หญิงอยากได้ ผิวสวยด้วยธรรมชาติ แบบไหนก็เลือกใช้กันได้ตามสบายใจเลยนะจ๊ะ หรือจะเลือกทั้ง 2 เคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติ ก็ไม่ว่ากันค่ะ




เคล็ดลับ ผิวสวยด้วยธรรมชาติ


ผิวสวยด้วยธรรมชาติ


สูตร 1 ผิวสวยด้วยชาเขียว

ถ้าผิวหน้าของคุณดูบวมแดงจากการอดนอนหรือปาร์ตี้หนักก็นำถุงชาเชียวแช่ในน้ำร้อนแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นนำมาประคบลงบนใบหน้าสารต่อต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวจะช่วยลดการอักเสบบนผิวหน้าได้แล้วใบหน้าคุณจะสวยดั่งเดิม


สูตร 2 ผิวนุ่มด้วยอะโวคาโด

ปอกเปลือกผลอะโวคาโดสุกแล้วนำเนื้อไปยีให้เละ จากนั้นนำมาชโลมทาลงบนผิวให้ทั่วตัวปล่อยทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างน้ำออก อะโวคาโดมีคุณสมบัติเหมือนมอยสเจอไรเซอร์ตามธรรมชาติที่ทำให้ผิวของคุณนุ่มขึ้นได้

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กินอย่างไรให้หุ่นดี..อยากหุ่นดีต้องอ่าน^^

มีสาระน่ารู้สำหรับคนอยากหุ่นดีมาฝากค่ะ
ร้อยทั้งร้อยใครก็ต้องอยากมีรูปร่างที่ดีอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรนี่สิคะที่เป็นเรื่องยาก เพราะแค่จะใช้ชีวิต  ในแต่ละวันก็แสนจะวุ่นวายมากพออยู่แล้ว การทานอาหารก็ต้องรีบเร่งไม่ค่อยได้ใส่ใจ ทำให้หลายคนเจอกับปัญหาความอ้วนตามมา ส่วนคนที่ทานเท่าไรก็ไม่อ้วนก็เป็นที่น่าอิจฉากันไป แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าเพิ่งไปอิจฉาตาร้อนคุณเธอเหล่านั้นเลย เพราะเรามีเคล็ดลับการทานที่จะทำให้คุณหุ่นดีได้ไม่ยาก ไม่แพ้สาว ๆ คนไหนเลยมาฝากกัน


ขยันทานผลไม้
หัดตัวเองให้เป็นคนชอบทานผลไม้และทานให้มาก ๆ แต่ต้องเลือกดูผลไม้ที่ไม่หวานจนเกินไป ส่วนผลไม้ต้องห้ามก็คือ ทุเรียน เงาะ ขนุน ลำไย ละมุด เป็นต้น



ดื่มน้ำเป็นประจำ
การดื่มน้ำก็สำคัญ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยให้ได้วันละ 6-8 แก้ว


เคี้ยวช้า ๆ เข้าไว้
หัดตัวเองให้เป็นคนเคี้ยวอาหารให้นาน ๆ อย่างน้อย 10 ครั้งต่อหนึ่งคำ เพราะไม่งั้นแล้วขืนคุณเคี้ยวเร็ว
จะทำให้คุณทานได้เยอะกว่าเดิมนะคะ



อย่าทานพร้อมทำกิจกรรมอื่น
ห้ามทานอาหารไปพร้อมกับทำกิจกรรมอื่น ๆ อย่างเช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ เล่นอินเทอร์เน็ต
หรือแม้แต่การนั่งรถ เพราะจะทำให้คุณทานได้มากกว่าปกติ โดยไม่รู้ตัว แล้วความอ้วนก็จะตามมา
เป็นเงาตามตัวคุณเลยทีเดียว

5 เคล็ดลับคืนความอ่อนเยาว์




        เคล็ดลับที่จะทำให้คุณดูเด็กลงได้อย่างทันตาเห็น... ลองไปทำดูนะคะ
      1. กินน้ำตาลน้อยๆ ดร.นิโคลัส เพอร์ริโคน กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง The Perricone Prescription ว่าการกินน้ำตาลทรายขาวมากเกินไปเป็นสาเหตุของริ้วรอยเหี่ยวย่น นั่นเป็นเพราะการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ งดน้ำตาลโดยหันไปกินอาหารสดอย่างผักผลไม้ บริโภคอาหารสำเร็จรูปให้น้อยลง เติมน้ำตาลผลไม้ ซึ่งก็คือน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่พบในธรรมชาติ เช่น น้ำตาลในผลไม้และน้ำผึ้งลงในชาถ้วยโปรด น้ำตาลผลไม้จากธรรมชาติที่มีรสหวานมาก ดังนั้นควรลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งเวลาบริโภค

      2. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ ช่วยป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกระบุว่าการนอนหลับสนิทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ โกรว์ธฮอร์โมน ซึ่งช่วยคืนความอ่อนเยาว์และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว หากต้องการนอนหลับสนิท หลัง 1 ทุ่มเป็นต้นไป ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน ก่อนนอนให้แช่ตัวในอ่างอาบน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ ขณะล้มตัวลงนอนให้หายใจลึกๆ ช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น 

      3. มีเซ็กส์บ่อยขึ้น นักวิจัยจากเอดินเบอระกล่าวว่าการร่วมรักช่วยให้คุณดูสาวขึ้น 10 ปี การมีเพศสัมพันธ์ไม่เพียงช่วยชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวนและจิตใจเป็นสุข
      4. กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงหัวใจ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำพวกแอนตี้ออกซิแดนท์ โดยเฉพาะที่สกัดจากเปลือกต้นสน การศึกษาพบว่า พิกนอจินัล มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ซึ่งช่วยให้หัวใจแข็งแรง

      5. บำรุงดูแลผิว ลงทุนซื้อไนท์ครีมคุณภาพดีซึ่งช่วยบำรุงพร้อมผลัดเซลล์ผิวในขณะนอนหลับ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น สดใส เปล่งปลั่งรับเช้าวันใหม่

อะไรที่ควรทำ-ไม่ควรทำ ถ้าอยากผิวสุขภาพดี




        หัวใจสำคัญของการดูแลผิว ที่ช่วยคงความสาวและความสวยของผิวคุณให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ถ้าคุณมี...

      ผิวมัน
      ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีกรด Salicylic ล้างหน้าวันละสองครั้ง หรือใช้มาสก์สัปดาห์ละครั้งก็พอช่วยได้เหมือนกัน
      อย่าใช้โทนเนอร์ที่มีเบสเป็นแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ระคายเคืองผิวและมีแต่จะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม

      ผิวแห้ง
      ควรล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีฟอง แล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
      อย่าใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อเข้มข้นเกินไป แพทย์ผิวหนังจากแอลเอ เจสสิก้า วู กล่าวว่า มันจะอุดตันในรูขุมขนของคุณและก่อให้เกิดสิว ทำให้ปัญหาผิวแย่ลงอีก

      จุดด่างดำและรอยแดง
      ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมจากถั่วเหลือง
      อย่าหยุดใช้ครีมกันแดด "ไม่ว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผิวขาวมากแค่ไหน หากคุณเผชิญแดดโดยที่ไร้ SPF คุณก็มีแต่จะแพ้สงครามกับแสงแดด" แพทย์ผิวหนังจากนิวยอร์ค เอเรีบล เคาวาร์ กล่าว

      รูขุมขนกว้าง
      ควรใช้ทรีทเมนต์ที่มีเรตินอลในตอนกลางคืน "มันจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขนคุณ ทำให้ช่วยลวงตาเหมือนกับว่ารูขุมขนนั้นมีขนาดเล็กลง" แพทย์ผิวหนังจาก NYC ไฮดี้ เอ วาลดอร์ฟ กล่าว ควรจัดให้ครีมนี้รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนที่คุณใช้ประจำ
      อย่าเข้าใจผิดว่ารูขุมขนกว้างคือสิวเสี้ยนและบีบมันออกล่ะ เพราะจะยิ่งขยายให้มันกว้างขึ้นกว่าเดิมไปอีกระยะหนึ่งเลย

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผัก ผลไม้บำรุงผิวพรรณ "สวยใสจากภายในสู่ภายนอก"



 
ผัก ผลไม้บำรุงผิวพรรณ


8 ผัก ผลไม้บำรุงผิวพรรณ

1. ส้ม

ไม่ใช่เพียงรสชาติที่หอมหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครของส้ม แต่ยังอุดมไปด้วยเส้นใยธรรมชาติ วิตามินซี เกลือแร่ และคอลลาเจนสูง ผลไม้จำพวกมะนาวหรือส้ม ช่วยป้องกันโรคได้เพราะมีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษ พร้อมทั้งช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย นอกจากนี้การรับประทานส้มทั้งกากใยจะช่วยลดความอ้วนและช่วยระบบขับถ่ายเป็นปกติได้อีกนะ

2. สตรอเบอรี่

ผลไม้น่ารักๆ ที่เหมาะกับสาวๆ เสียจริงๆ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซีจำนวนมาก วิตามินเอ ฟอสฟอรัส แคลเซียม มี "กรดแอสคอร์บิก" (Ascorbic acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายต่อโรคภัยต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ และโรคหวัด ป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น ที่สำคัญคือ ยังช่วยชะลอความชรา และการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร อีกด้วย...น่าหม่ำแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ

3. แครอท

มื้อค่ำนี้ลองทำเมนูแครอทรับประทานสักมื้อก็ดีนะค่ะ เพราะแครอทอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี เกลือแร่ และแคลเซียมที่ดูดซึมง่าย ซึ่งมีแพคตินซึ่งเป็นไฟล์เบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดโคเลสเตอรอล ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณให้สดใสอ่อนเยาว์ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค ห่างไกลหวัดไปอีกนานค่ะ

4. บร็อคโคลี

ผักเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะสาวๆ บร็อคโคลีจัดอยู่ในกลุ่มของผักจำพวกกะหล่ำปลีและกะหล่ำดอก มีสารที่ชื่อว่า ไอโซธิโอไซยาเนทส์(Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งปอดนั่นเอง และสามารถป้องกันอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะอีกด้วยค่ะ และที่เกี่ยวกับความงามของสาวๆ โดยเฉพาะก็คือ บร็อคโคลีมีซีลีเนียมมากซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณและช่วยเพิ่มความนุ่มนวลแก่ผิว ลดริ้วรอยด้วยค่ะ

5. ถั่ว

อุดมด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี และมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำสามารถทำให้สาวๆ รู้สึกอิ่มเร็วและอยู่ท้อง ความอยากอาหารจะลดลง ผลการวิจัยพบว่าคนที่กินถั่วเป็นประจำจะผอมกว่าคนที่กินของขบเคี้ยวชนิดอื่นๆ เช่น ถั่วอัลมอนด์ และพีแคน ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ถึง 11.3% ถั่วลิสงและวอลนัต ช่วยปกป้องหัวใจโดยลดคราบไขมันในหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เรียกได้ว่าเป็นอาหารไดเอ็ทอีกเมนูหนึ่งที่สาวๆ โปรดปรานกันเลยทีเดียวค่ะ 

6. ลูกพรุน

ลูกพรุนผลไม้สำหรับสาวๆ ผู้รักสุขภาพและความงามขนานแท้ เพราะลูกพรุนอุดมไปด้วย โปแทสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์สูง ช่วยให้มีเลือดฝาด แก้มแดงระเรื่อ แลดูเป็นสาวสดใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลูกพรุนยังมีธาตุเหล็กที่มีประโยชน์ในการบำรุงเลือดของผู้หญิงอีกด้วย

7. แอ๊ปเปิ้ล

แอ๊ปเปิ้ลอร่อยๆ ก็ต้องคู่กับกับหุ่นสวยของสาวๆ อย่างแน่นอนเลยทีเดียวค่ะ เพราะแอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ นอกเหนือไปจากเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วในแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งผลจะให้พลังงานแก่คุณเพียง 47 แคลอรี และมีกรดผลไม้ทำให้หายอยากอาหาร และแถมลดความดันโลหิตและลดคลอเลสเตอรอลที่อุดตันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

8. กล้วย

สำหรับสาวมั่นที่ออกจะใจร้อนไปหน่อยลองหันมารับประทานกล้วยให้มากขึ้นสิค่ะ เพราะกล้วยนั้นสามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและจิตใจให้สมดุล ทำให้อารมณ์ดีแจ่มใส ยิ้มแย้มร่าเริง กลายเป็นสาวที่มีเสน่ห์ได้ในพริบตา เนื่องจากกล้วยอุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และ กลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใดและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ค่ะ